หลังจากเราพลาดมาแล้ว ถึง ๒ ปี คือ ปี ๕๒ พวกเราไปช่วงที่ดอกวายและล่วงโรย ได้ดอกกระเจียว๔-๕ ดอก(ภาพถ่าย ไม่ได้เด็ดมา ดูได้จากเว็บไซต์ครูคำมีพาเที่ยวเขาสวนกวาง : http://krukammi.blogspot.com/ จะเห็นความตั้งใจและยากลำบากในการเดินทาง) ปี ๕๓ วันที่นัดหมายฝนถล่มทลาย เลยต้องยกเลิก มาปีนี้คือปี ๕๔ วางแผนอย่างดี ยังไง ๆ ก็ไม่ให้พลาด
วันเสาร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ได้นัด รสทป.บางส่วนไปตามหาดอกกระเจียวครั้งที่ ๒ มีสมาชกร่วมเดินทาง ๕ คนได้แก่ผม(ครูคำมี) คุณบุญสวน แสนสีธรรมทา(เคนน้อย) คุณสุวรรณ คำดีเขียว(โต้ง) คุณนุศิลป์ ตราชู(นายนุ) และสภาพสตรี หนึ่งเดียว คือ คุณสัมพันธ์ นาพรม(ติ่ง) เป้าหมายของพวกเราคือ "บ๋าหนามแท่งน้อย" เราออกเดินทางจากหลังแปมุ่งไปที่"หัวภูขาด"ที่อยู่เยื้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เราเดินตามเส้นทางที่เป็นแนววทางเดินของคนที่หาของป่าที่ค่อนข้างสะดวกดีและดีที่สุดแล้วเพราะเป็นเส้นทางในป่า(ไม่ใช่ทางลดยาง นี่ครับ) ระยะทางจากหลังแปถึงหัวภูขาด ประมาณ ๙๐๐ เมตร เมื่อมาถึงหัวภูขาดก็หมายความว่าเราถึงพื้นที่ดอกกระเจียวแล้วแม้จะยังไม่เห็นซักดอก เพราะบรรยากาศมีลักษณะเป็นป่าโปร่งประเภทป่าเต็งรัง ค่อนข้างลาดลงไปแต่ไม่ชัน พื้นดินทั้งหมดปูด้วยพรม"ต้นเพ็ก"สีเขียวสด ในระดับเดียวกับต้นกอกระเจียว บรรยายไม่ถูก แต่บอกได้คำเดียวว่า"สวยงามมาก" แนวป่าดังกล่าวจะค่อยๆโอบภูเขาไปทางเหนือค่อนไปทางตะวันตก ระยะทางที่ผ่านไปยิ่งไกลยิ่งเห็นแนวที่เปิดกว้างยิ่งขึ้น
เราเดินไปเรื่อยๆ ชมป่าไปพลางสายตาก็สอดส่ายหาเห็ดไปด้วย ในที่สุดเราก็พบกับทุ่งดอกกระเจียว"บัวสวรรค์" หรือ "บัวโคก" ที่กำลังออกดอกสวยงามเป็นธรรมชาติมาก งามกว่าดอกที่เพาะขึ้นมาในถุงดำ แล้วนไปวางเรียงรายในงานต่างๆ เป็นร้อยเท่า(จริง นะ)... บรรยายมานานก็ขอตัดเวลา นำเสนอภาพซะที...
ความพอใจและความอยากยากที่จะพอเพียงสำหรับมนุษย์ปุถุชนเช่านเรา..."พวกเราเองยังไงต่อ" ผมถามขึ้น ความเห็นแตกเป็นสองฝ่าย คือกลับกับการเดินทางต่อไปที่"บ๋าหนามแม่งใหญ่" ผมยอมรับว่า ผม Dominate คณะ ในที่สุดเราก็ตัดสินใจเดินทางต่อ ไปที่บ๋าหนามแท่งใหญ่ ซึ่งไกลจากที่นี่ไปประมาณ ๑ กิโลเมตรในทางเดินสะดวก หรือ ๒ กิโลเมตรกับเส่นทางที่ท้าทาย
ในที่สุดก็เลือกเส้นทางท้าทายภาพที่จะนำเสนอต่อไปนี้เป็นภาพที่"บ๋าหนามแท่งใหญ่"
บ๋าหนามแท่งใหญ่ เป็นทุ่งดอกกระเจียวที่เราไปสัมผัสมาเทื่อปี ๔๒ แต่เราไม่ได้ไปตามเส้นทางนี้ ผมขับรถไปจอดไว้ที่หัวดงซึ่งไกลจากหลังแปไปตามเส้นทางหลังภูประมาณ ๓ กิโลเมตร จากนั้นก็สไลด์ลงเนินสลับกับการเดินแหวกป่าไปประมาณ ๑ กิโลเมตร เศษๆ ขาไปเพลินดี แต่ขากลับ พระเจ้ายอร์จ ผมไม่ไหวจริง ลองคิดดูซิครับปีนขึ้นหน้าผาเป็นกิโล ใครจะไม่เหนื่อย
บ๋าหนามแท่งใหญ่ เป็นลานกว้าง สองแห่งมีเนื้อที่รวมกันประมาณ ๑๕๐ ไร่ เป็นลานดอกกระเจียวทั้งหมด จะแตกต่างกับบ๋าหนามแท่งน้อย คือเป็นที่ราบต้นเต็งรังมีน้อย มีโขดหินไม่มาก มีภูเขาล้อมรอบก็สวยงามไปอีกแบบ
ที่นี่ เราไมค่อยได้ถ่ายภาพนิ่งสักเท่าไร เน้นที่ภาพ VDO และไม่ได้เดินสำรวจทั้งหมด เพราะมีเวลาจะบ่ายแล้ว และพวกเราก็หิวข้าวแต่สำหรับผมแม้จะหิวข้าวก็เสียดายนิด ๆที่ไม่ได้เดินทางต่อไป ท้ายขบวนกลับหลังหัน หัวขบวนก็จำเป็นต้องกลับหลังหันตามไปด้วยความ(ไม่)เต็มใจสักเท่าไร
เสร็จภารกิจ เราเดินทางกลับตามเส้นทางหลักผ่าน"ไล่หมูบ" ไปยังทุ่งนาชาวบ้านที่ทำมาหากินก่อนที่กรมอยุทยานจะประกาศเป็น"วนอุทยานเขาสวนกวาง" มาบรรจบที่"หัวภูขาด" เช่นเดิม
เสร็จภารกิจ เราเดินทางกลับตามเส้นทางหลักผ่าน"ไล่หมูบ" ไปยังทุ่งนาชาวบ้านที่ทำมาหากินก่อนที่กรมอยุทยานจะประกาศเป็น"วนอุทยานเขาสวนกวาง" มาบรรจบที่"หัวภูขาด" เช่นเดิม
ระหว่างทาง เราพบกับ"เห็ดระโงกยักษ์" ต้องยกเครดิดให้ผู้ค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ของโลก คือ"เคนน้อย" ใหญ่แค่ไหนดูได้จากภาพ ขากลับ"โต้ง"ก็พบกับเห็ดตะไคยักษ์อีกเช่นกัน
การเดินทางสิ้นสุดลง ก็ด้วยการได้หน่อไม้และเห็ดมาแกงกินด้วยกัน...แซบที่สุดครับ
สวัสดี
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น