วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คนหลังแป รสทป.เขาสวนกวางไปเก็บผักหวาน กับแขกเยี่ยมหลังแป

             วันเสาร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ใกล้ถึงวัน"วาเลนไทน์"แล้วนะ ก็ขอมอบความรักให้ทุกคนที่เป็นเพื่อนร่วมโลกทุกคน โดยเฉพาะคนหลังแป...ก็พบกันอีกครั้ง นะครับ หลังจากที่สวัสดีปีใหม่กันมายาวนาน ถึง ๔๓ วัน ก็เข้าใจว่าทุกท่านมีความสุขมาโดยตลอดรวมถึงผู้เขียนด้วย
แขกของคนหลังแป วันนี้ เป็นน้องๆที่มาจาก "มหาวิทยาลัยราชภัฏสมเด็จเจ้าพระยา"
บอกว่าพวกเธอมาจากกรุงเทพฯ
มาเรื่อยๆ วัตถุประสงค์คือมาถ่ายภาพสถานที่ที่ไม่เคยเห็น
เลาขาจ่อย...ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
นี่แหละนำใจ"คนหลังแป"
 
             วันนี้ พวกเราคนหลังแป ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็น รสทป.และเจ้าหน้าที่จากหน่วยส่งเสริมการป้องกันไฟป่า ประกอบด้วย ท่านหัวหน้าสมพงษ์ คุณนุศิลป์ คุณสุวรรณ คุณสมเพศ คุณบุญสวน(เคนน้อย)คุณเส็ง คุณจ่อย(ดำงรงศักดิ์) คุณพี่น้อย  ได้ร่วมเดินทางกันไปตามเส้นทางสู่ป่าดงดิบบริเวณ"ผาแงบลม" ได้ผักหวานมาเต็มถุง เมื่อมาถึงหลังแป แม่ครัวคือพี่น้อยและแฟนนุศิลป์ที่มีฝีมือชั้นยอด ก็ลงมือแกงกัน แกงผักหวานหม้อนั้น ผสมกับไข่มดแดง เห็ดนางฟ้า และปลาย่าง...อร่อยที่สุด
             เนื่องจาก มีเวลาเขียนบทความนี้น้อย ก็ขอลงภาพที่เป็นเหตุการณ์วันนี้ทั้งหมด ให้ชาวหลังแป ได้ชมกัน และจะไปเขียนให้ละเอียดที่เว็บไซต์ "ครูคำมีพาเที่ยวเขาสวนกวาง" อีกครั้งหนึ่ง...เชิญชมได้แล้วครับ 
ภาพเริ่มต้น

ผ้กหวานยอดแรกที่เราพบ ที่เห็นแกงได้ทุกใบ
มีลักษณะพิเศษ คือมีรสหวาน มัน
รสชาตต่างจากผักหวานที่ขายในท้องคลาดหลายกิโล




ช่วยกันเก็บ เก็บมาได้ก็อวด...คุณสุวรรณ(ขวามือ) เหมือนจะบอกว่า ต้นนี้กินอิ่มกันทั้งหมู่บ้านเลยนะ

ขณะที่แต่ละกลุ่มแยกย้ายกันเก็บผักหวาน...ผู้เขียนก็แอบเก็บภาพไว้อวดผู้ชม ภาพซ้าย เป็น"แมงแคงคู่"
ฤดูฝนกำลังจะมาถึง เตรียมสร้างครอบครัวไว้ดำรงเผ่าพันธุ์(ขวามือ) ขอนไม้มะค่าแต้ ล้มลงเมื่อหลายปีที่แล้ว โชคดีที่เขานอนอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขท่ามกลางญาติพี่น้องเพราะ ความไม่สมบูรณ์ของเน้อไม้ คือข้างในกลวงเป็นโพรง (มนุษย์ไม่ชอบ) ถ้าไม่กลวงป่านนี้ไม่ทราบว่าจะเป็นเสาบ้านใคร

 

 สองภาพด้านบน คือต้นพืชชนิดหนึ่ง มีชื่อว่า"หมากหม่วย" ภาพซ้าย..กำลังออกดอก ภาพขวา คือเมล็ดหลังจากลูกแก่จัด ในภาพโดนแดดฝนบางเมล็ดเน่า บางเมล็ดก็พร้อมที่จะงอกเป็นต้นใหม่  บรรยายมาเสียนานท่านก็คงจะถามว่า สำคัญอย่างไร...เมล็ดที่แก่จัดนำมาคั่วหรือจี่ไฟ นุ่ม หอม มัน กินได้ครับ


 ร่องรอยในอดีด ที่แสดงสภาพการดำรงชีพของพระสงฆ์ที่ถ้ำกกไฮ



ภาพบน เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่ชาวอีสานเรียกว่า"ต้นก้านก่อง หรือหมากก้านก่อง" ผลสุกมีรสชาตหวานอมเปรี้ยวเหมือน "ลองกอง" เปรี้ยวปากอยากกินจริงๆ...ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเลย

แล้วเราก็กินกัน...หวานมันจริงๆ แกงผักหวานป่า ใส่เห็ดNangfa ใส่ไข่มดแดง(มีเรื่องเล่าว่า ครูสอนให้กินไข่วันละฟอง เป็นอย่างน้อย...เด็กชายจ่อยบอกว่าที่บ้านเขากินวันละ ๒๐๐ ฟอง ถ้าเป็นไข่ผาก มากว่านี้ ไข่มดแดงนะครับ บ่แม่ไข่ไก่)


กินข้าวเสร็จก็ลงไปเดินย่อยอาหารที่แนวกันไฟ
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานส่งเสริมการควบคุมไฟป่า
ได้ทำแนวกันไฟที่ด้านเหนือหลังแป ตามแนวลาดของหุบเขา ไว้ ๓ ระดับ รวมระยะทางเดินประมาณ ๓ กิโมเมตร ผมร่วมเดินทางไปกับคณะ
ได้เห็นอะไร หลายอย่างที่ นักเรียนนักศึกษาน่าจะได้ไปเดิน...นอกจากได้เห็นต้นไม้แปลก ได้เห็นน้ำตกหน้าแล้งกลางป่า แล้วยังได้เห็นร่องรอยของการดำรงชีวิตของสัตว์ป่า เราเห็นต้นกระถินโดนปลอกเปลือกเป็นทางยาว ซึ่งไม่น่าจะเป็นการกระทำของคน(ของสัตว์แน่ ๆ) สมเพศว่าเป็นการกระทำของหมีชนิดหนึ่ง คือหมีขอ เพราะได้ข่าวว่ามีคนทำหมีขอหลุดออกมาจากคอก..."มันอยู่บริเวณนี้หรือเปล่า ?" เราคิด และรีบเดินทางต่อไป


ขอจบด้วยภาพนี้ นะครับ
สวัสดีครับ
โอกาสหน้าพบกันอีกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น: